1. เพิ่มนิยาม “ผู้ดูแลระบบ”
มาตรา4
เพิ่ม นิยามคำว่า “ผู้ดูแลระบบ” คือ“
ผู้มีสิทธิเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น”
ร่าง
ฉบับใหม่ที่เพิ่มนิยามคำว่า “ผู้ดูแลระบบ” ขึ้นมานี้
ความถึงเจ้าของเว็บไซต์ เว็บมาสเตอร์ แอดมินระบบเครือข่าย แอดมินฐานข้อมูล
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด บรรณาธิการเนื้อหาเว็บ เจ้าของบล็อก
ร่างกฎหมายนี้ ตัวกลางต้องรับโทษเท่ากับผู้ที่กระทำความผิด
2. คัดลอกไฟล์ จำคุกสูงสุด 3 ปี
มาตรา16 เพิ่ม
มาว่า “ผู้ใดสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
การ
ทำสำเนาคอมพิวเตอร์ อาจหมายถึงการคัดลอกไฟล์
การดาว์นโหลดไฟล์จากเว็บไซต์ต่างๆ
มาตรานี้มีไว้ใช้เอาผิดการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์หรือเพลง
แต่การเขียนเช่นนี้อาจกระทบไปถึงการแบ็กอัปข้อมูล
การเข้าเว็บแล้วเบราว์เซอร์ดาว์นโหลดมาพักไว้ในเครื่องโดยอัตโนมัติหรือที่
เรียกว่า “แคช”
ซึ่งผู้ใช้อาจมิได้มีเจตนาหรือกระทั่งรับรู้ว่ามีกระทำการดังกล่าว
3. มีไฟล์ลามกเกี่ยวกับเด็ก ผิด
มาตรา25
“ผู้
ใดครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กหรือ
เยาวชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ”
4. มีไฟล์ลามกเกี่ยวกับเด็ก ผิด
มาตรา24 (1) นำ
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ
ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
เป็น
การรวมเอาข้อความในมาตรา14 (1) และ (2) ของ กฎหมายปัจจุบันมารวมกัน
มาจากความพยายามเอาผิดกรณีการทำหน้าเว็บเลียนแบบให้เข้าใจว่าเป็นหน้าเว็บ
จริงเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล (phishing) จึง เขียนกฎหมายออกมาว่า
การทำข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมถือเป็นความผิด
แต่เมื่อแนวคิดนี้มาอยู่ในมือนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ ได้ตีความคำว่า
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม” ใหม่ เป็นเรื่องการเขียนเนื้อหาอันเป็นเท็จ
และนำไปใช้เอาผิดฟ้องร้องกันในเรื่องการหมิ่นประมาท
ร่างนี้ได้ปรับถ้อยคำใหม่
และกำกับด้วยความน่าจะเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่น
ตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกสูงสุด ห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. ดูหมิ่น ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
มาตรา26
ผู้ ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น
หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. ส่งสแปม ต้องเปิดช่องให้เลิกรับบริการ
มาตรา21
ผู้
ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนตามหลักเกณฑ์ที่
รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เพื่อประโยชน์ทางการค้าจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อนรำคาญ
และโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้ง นี้
ยังต้องตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากการส่งข้อมูลดังกล่าว
แม้จะเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อนรำคาญ
แต่ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ก็จะไม่ผิดตามร่างฉบับใหม่นี้
7. เก็บโปรแกรมทะลุทะลวงไว้ คุกหนึ่งปี
มาตรา23
ผู้ ใดผลิต จำหน่าย จ่ายแจก ทำซ้ำ มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ชุดคำสั่ง
หรืออุปกรณ์ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความ
ผิดตามมาตรา 15 มาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 และมาตรา 20
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
8. เพิ่มโทษผู้เจาะระบบ
กรณีการ
เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
ร่างกฎหมายใหม่เพิ่มเพดานโทษเป็นจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท(เพิ่มขึ้น 4 เท่า)
9. ให้หน้าที่หน่วยใหม่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
ร่าง
กฎหมายนี้กำหนดหน้าที่ให้หน่วยงานซึ่งมีชื่อว่า
“สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)” เรียกโดยย่อว่า
“สพธอ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Electronic Transactions
Development Agency (Public Organization)” เรียกโดยย่อว่า “ETDA”
เป็นองค์การมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงไอซีที
10. ตั้งคณะกรรมการ สัดส่วน 8 – 3 – 0 : รัฐตำรวจ-ผู้ทรงคุณวุฒิ-ประชาชน
ร่าง
กฎหมายนี้เพิ่มกลไก“คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทาง
คอมพิวเตอร์” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นรองประธานกรรมการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้ อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยระบุตัวบุคคลจากผู้มี
ความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านกฎหมาย
วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การเงินการธนาคาร หรือสังคมศาสตร์จำนวนสามคน
โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี
คณะ
กรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้ง
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ออกระเบียบ ประกาศ
ตามที่กำหนดในพ.ร.บ.นี้
และมีอำนาจเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหลักฐาน รวมถึง
“ปฏิบัติการอื่นใด” เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ
โดยให้ถือว่าคณะกรรมการและอนุกรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
 |
CR : http://tech.mthai.com/wp-content/uploads/2012/05/0596476900.jpg |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น